ดอกหญ้าในรั้วบ้านที่อบอุ่น

เคยได้ยินผู้คนรอบข้างเล่ากันว่าเวลาเหนื่อยจะมีเสียงจากคนทางบ้านบอกเสมอว่า ถ้าเหนื่อยก็กลับบ้านนะลูก” ตัวฉันเองก็เพิ่งจะมาชอบประโยคนี้ในวัยมหาวิทยาลัยที่ต้องจากบ้านมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ โดยไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าต้องเจออะไรบ้างในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่แล้วโลกก็เหวี่ยงปัญหามาให้มากมายมีหลายอย่างเกิดขึ้น บางเรื่องก็ไม่สามารถอธิบายให้ใครฟังได้ รู้สึกว่าตัวเองเหมือนดอกหญ้าที่โดนลม ฝน พัดเมล็ดไปได้ทุกทิศทุกทางหรือแม้แต่กระทั่งคนที่เด็ดฉันทิ้งหรือเห็นคุณค่านำฉันใส่แจกัน

หากเปรียบปัญหาคือ ลม ฝน คงจะเป็นสิ่งแวดล้อมที่ตื่นตาตื่นใจทำผู้คนหลงทางไปได้ง่ายๆ ทำให้ทำให้คล้อยตามโดยไม่ไตร่ตรอง ถ้าหากปัญหาคือ คนที่เด็ดฉันทิ้งคงจะเป็นผู้คนที่ใจร้ายทำให้ตัวฉันเหี่ยวเฉา พอเจอปัญหาที่อาจจะฟื้นฟูตัวเองให้กลับมาได้อย่างยากลำบากและก็ต้องเข้มแข็งพอตัว ถ้าเป็นคนที่เห็นคุณค่าของฉันก็คงจะให้โอกาสที่ดีหยิบยื่นเข้ามาค่อยใส่ปุ๋ย รดน้ำ เปรียบเสมอให้ความรู้ ความอบอุ่น แล้วตัวฉันเองก็ต้องคอยมุ่งมั่นให้ตัวเองเป็นดอกหญ้าที่สดใสรับแสงอาทิตย์อยู่เสมอ

ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาสายตาที่คอยสังเกตข้างทางอยู่เสมอ แล้วได้พบกับดอกไม้ชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายดอกเดซี่ ที่เกิดอยู่ข้างทางเป็นพุ่มขนาดใหญ่ แต่ก็ยังสงสัยและไม่ได้เด็ดกลับมาปลูกจนผ่านไปหลายอาทิตย์ได้มีโอกาสกลับมาเมล็ดของมันก็ร่วงโรยไปบ้างส่วน บ้างดอกก็ยังสดใสรับแสงอาทิตย์และน้ำฝน โดนแสงจัดไม่มีฝนตกมาแถมสองข้างทางก็มีรถสัญจรไปมาอย่างไม่ขาดสาย พัดพุ่มของมันเอียงเอน แต่ทำไมต้นหญ้าต้นนี้ถึงไม่ตาย

ด้วยความที่ฉันเห็นดอกหญ้าต้นนี้เหมือนดอกเดซี่ จึงนำก้านมาปักชำเพราะไปทำการค้นหาข้อมูลมาว่าสามารถปักชำและนำเมล็ดมาปลูกได้ คงสงสัยใช่ไหมคะว่าคือ ดอกหญ้าอะไร ? เฉลยค่ะ ต้นปืนนกไส้ หรือ ก้นจ้ำขาว (biden alba) จากที่หาข้อมูลมาบอกว่าเจ้าต้นหญ้าวัชพืชปืนนกใส้นั่นเกิดง่ายมาก พอฉันลองปลูกพบว่าเกิดยากมากหรือเป็นเพราะฉันเองเป็นคนมือร้อนปลูกอะไรไม่ขึ้น แต่นั้นมันก็เป็นเพียงประโยคที่เปรียบเปรยถึงวิธีการปลูกต้นไม้ หากคนปลูกเป็นคนมือเย็น ซึ่งหมายถึงใจเย็น ค่อยๆ ปลูก ใส่ใจในรายละเอียดของต้นไม้ชนิดนั้นๆ ฉันถอดใจว่าคงไม่เห็นต้นหญ้าต้นนี้เติบใหญ่ในกระถางหลังบ้านแน่เลย

จนวันหนึ่งฉันแบกกระเป๋ากลับบ้านในช่วงปิดเทอมอันน้อยนิดที่ผ่านมา ได้พบว่าบางอย่างเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่เคยเห็นกลับมาราวนี้ท้องทุ่งเหลืองอร่าม ย่างเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว บ้างครอบครัวคนที่ทำงานอยู่ไกลบ้านก็กลับมาขนข้าวขึ้นเล้า (ยุ้งฉางเก็บข้าว) กันอย่างขะมักเขม้น ฉันกลับบ้านมาทุกครั้งมีความสุขเสมอ นอกจากจะได้รับประทานอาหารที่อร่อยยังมีสุนัขทุกตัวที่อยู่บริเวณใกล้เคียงจะกระดิกหางเล่นด้วยเสมอ

พอเดินมาหลังบ้านที่เก็บอุปกรณ์เกษตรของครอบครัวพบต้นหญ้าที่ฉันปลูกแล้วไม่โต ตอนนี้กลับบานสะพรั่งไปแต่ละจุดในกระถางสีฟ้า จึงเกิดความสงสัยอยู่ว่ามันเกิดได้ยังไง "ก็พ่อใส่ปุ๋ย แล้วก็รดน้ำฉีดยา" ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ฉันไม่คิดว่าพ่อจะใส่ใจกับสิ่งที่ฉันชอบมากขนาดนี้ ต้นหญ้าปีนนกใส้ต้นนี้จึงเป็นเหมือนความใส่ใจของคนในครอบครัว ที่มีต่อต้นหญ้าต้นหนึ่งอย่างฉันมาก แถมยังบอกฉันอีกว่าต้นนี้ต้นเช้าเจอแสงแดดจะเหี่ยวในช่วงแรกๆ พอให้น้ำสักสองขัน เวลาสิบโมงกว่าๆ ก็สดใสแล้วก็พูดต่อไปเรื่อย ๆ จะว่าไปแล้วต้นหญ้าต้นนี้ก็เหมือนฉันนะ เปรียบเหมือนตัวแทนฉันเลยแหละว่าไหม? แต่ฉันคิดว่ามันเหมือนฉันเพราะว่ามันถูกเอาใส่ใจจากคนในครอบครัว ทำให้มันเติบโตขึ้นได้ขนาดนี้ เหมือนครอบครัวที่คอยเลี้ยงฉันให้เติบใหญ่ พอได้ยินแบบนั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความใส่ใจจากพ่อที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาให้รับรู้

เข้าใจแล้วกับประโยคที่ว่า "ถ้าเหนื่อยก็กลับบ้านนะลูก" แม้จะกลับมาไม่ได้มีความสะดวกสบาย แต่มันกลับเป็นความรู้สึกที่ว่าเป็นที่สบายใจที่สุด เป็นที่มีความสุขที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฮีลใจที่สุดของการกลับบ้านในครั้งนี้และทุกครั้งที่กลับมาเราจะมีความสุขและกลับมาสู้ชีวิตกันใหม่ การกลับบ้านมันเหมือนการชาร์จพลังให้กลับมาทำอย่างอื่นให้ต่อไปได้โดยมีพลังใจที่ดี แม้ต้นหญ้าวัชพืชปืนนกใส้จะเป็นวัชพืชจะไร้ประโยชน์ไร้ราคา เป็นเพียงแค่ดอกไม้ริมทางธรรมดาทั่วไป แต่ให้ประโยชน์มากมายแอบแฝงด้วยสรรพคุณ ให้คุณประโยชน์ต่อมนุษย์ในเรื่องสมุนไพร ถ้าเรารู้จักเอามาใช้ประโยชน์ ในแบบถูกที่ถูกทางก็สามารถเป็นพืชทำเงินให้ไม่น้อยเลยที่เดียว

 

ขอขอบคุณข้อมูล

บทความ "ปืนนกไส้ วัชพืชเลี้ยงคน ทำเงินให้เกษตรกร"

บทความ "ต้นปืนนกไส้ ดอกไม้ริมทางเพียบสรรพคุณ"

บทความ "คนมือร้อนปลูกต้นไม้ไม่ขึ้นจริงหรือ?"

  • by ภัทรวดี หอมกำปัง
  • | ไลฟ์สไตล์
OTHER POSTS FROM