Osteria Bacco
มาถึง Savona นึกถึงร้านนี้ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะการตกแต่งร้านที่สุดเก๋ไก๋ เต็มไปด้วยเรือใบ เรือเหาะ บอลลูน สารพัดชนิด ห้อยแขวนระโยงระยางมาจากเพดาน เมื่อสองปีก่อนนั้นเรายังได้นั่งรับประทานอาหารอยู่ข้างใน ปีนี้เราเลือกนั่งข้างนอก ซึ่งบรรยากาศก็แปลกไปนิด
บริเวณนอกชานด้านนอกมีการตีเส้นแบ่งใช้พื้นที่กับร้านพิซซ่าที่อยู่ติดกัน ลมพัดแรงวันนี้ทำให้รู้สึกหนาวนิดหน่อย โต๊ะใกล้ๆ กันกับเราทางซ้ายมือเป็นของร้านพิซซ่าสองโต๊ะนั้น พาสุนัขมาด้วย และดูท่าพวกมันจะอยากทำความรู้จักกันมาก จนเจ้าของนั่งไม่ติดเก้าอี้ เราเองยังรู้สึกหงุดหงิดแทนนิดหน่อยทั้งที่เป็นคนชอบเลี้ยงสุนัข ที่หงุดหงิดคือบริกรที่จัดที่นั่งให้ น่าจะสังเกตเห็นแล้วเปลี่ยนโต๊ะให้พวกเขาได้นั่งห่างกัน ดีที่ความเผือกยังมีไม่มากพอ ไม่อย่างนั้นคงลุกไปบอกพนักงานร้านพิซซ่าให้เปลี่ยนโต๊ะให้แขกด้วย เอาเถอะเราอยู่คนละร้านแต่ก็หวังว่าจะได้นั่งรับประทานอาหารด้วยความสงบสุขกับเขาบ้าง ไม่อยากเป็นพยานปากเอก ถ้าสุนัขสองตัวมีข้อพิพาทกัน
เรานึกถึงอาหารเรียกน้ำย่อยเมื่อสองปีก่อนแล้วขยาด เพราะเสริฟมายาวเป็นหางว่าวชนิดที่นึกว่านั่งกินอาหารงานเลี้ยงฉลองสมรสกันเลยทีเดียว ปีนี้เราเลยเลือกอาหารจานอื่นๆ ที่ยังไม่เคยสั่งมาลองชิม พยายามจะกินน้อย...แต่จะได้หรือ?
Alici Marinate
Zuppa di Vongole
Spaghetti alla Vongole
Cozze
Calamari Grilgliata
ไม่รู้คิดไปเองไหมแต่รสชาติอาหารมันแปลกออกไป ไม่ใช่อย่างที่คาดหวังสักเท่่าไร มันมีรสชืดและขมแทรกอยู่ในจาน (ปลาหมึกย่างไงยะ มันไหม้นิดนึงอะตัวเอ๊ง)
Panna Cotta
Torta di Cioccolato
จนกระทั่งของหวานมาเสริฟ สั่ง Panna Cotta กับ เค้กช็อกโกแลต Panna Cotta แอบยับเยินนิดหน่อย เข้าใจว่าคงเป็นตอนที่ถอดออกจากพิมพ์ คงจะรีบร้อน ลูกค้าเยอะ ก็น่าเห็นใจอยู่นะ ฤดูการท่องเที่ยวก็แบบนี้เอง
ตอนไปจ่ายเงินค่าอาหาร ก็ถามถึงเจ้าของร้าน Sig.re Bacco ปีที่เคยมานั่งกินในร้าน เจ้าของร้านเสริฟเองทุกเมนู ปีนี้พวกเราเลือกนั่งข้างนอกร้าน ก็นึกว่าเจ้าของร้านคงจะปักหลักอยู่ข้างใน พนักงานที่คิดเงินตอบว่า ทางร้านเปลี่ยนเจ้าของกิจการแล้ว เป็นผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาบริหาร แต่ทีมครัว ทีมเสริฟยังเป็นทีมเดิม หลังจากนั้นเธอก็ขอบคุณพวกเราที่มาอุดหนุนร้าน และหวังว่าจะได้บริการพวกเราอีก
ตอนนั้นเรามองดูรอบร้านการตกแต่งร้านก็ยังเป็นสไตล์เดิม ขาดแต่ภาพข่าวหนังสือพิมพ์เจ้าของร้านคนเดิม ที่น่าจะเอาออกไป รู้สึกเสียดายนิดๆ เศร้าหน่อยๆ เพราะคิดว่ากลับมากินร้านนี้เพราะชอบดูเจ้าของร้าน ถ้าแบบเมืองไทยจะเรียกว่าอะไรดีนะ โก๋และเก๋า มาก นอกจากเสียดายเศร้าแล้วยังประหลาดใจ เราคิดว่ามันต้องมีอะไร ดูสไตล์ของ Sig.re Bacco แกไม่น่าจะขายร้านนี่นา ตัวแกน่ะเป็นตำนานเมืองเลยก็ว่าได้ เรายังนึกว่าถ้าแกจะตายก็คงจะตายไปกับร้านนี้ที่แกสร้างมากับมือนั่นแหละ เรากลับโรงแรมด้วยความแปลกประหลาด แล้วพยายามจะไปฟังข่าวเรื่องทำไมแกถึงขายร้านไปได้นะ
อีกสองวันต่อมาก็ได้ข่าวจากเจ้าของร้านอาหารประเภท Take Away ที่เปิดเรือขายซีฟู้ดทอดกรอบ เล่าว่าตำรวจไปพบศพ Sig.re Bacco ในป่าละเมาะข้างทางหลวง หลังจากหายตัวออกจากบ้านไปสองวัน นับวันแล้วก็น่าจะหายตัวไปวันที่เราไปกินข้าวที่ร้านของแกนั่นแหละ ยิ่งเศร้าหนักเข้าไปอีก เลยนึกถึงรสชาติอาหารที่กินวันนั้นรู้สึกว่ามันมีรสขมแบบประหลาดๆ ... มันอาจจะเป็นรสขมของความขมขื่นใจที่เจ้าของร้านถ่ายทอดมาให้เรารับรสนี้ก็ได้
ขอให้ Sig.re Bacco ไปสู่สุคติ ด้วยเถิด